Albert R. Broccoli

Albert R. Broccoli

Born:5 เมษายน 2452

Place of Birth:New York City, New York, USA

Died:27 มิถุนายน 2539

Known For:Production

Biography

Albert R. Broccoli หรือที่รู้จักกันในนาม "Cubby" เป็นผู้ผลิตภาพยนตร์อเมริกันในตำนานเกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 1909 ตลอดอาชีพการงานที่โด่งดังของเขาบรอกโคลีส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยผลิตภาพยนตร์มากกว่า 40 เรื่อง ผลงานของเขามีพื้นฐานมาจากสหราชอาณาจักรเป็นหลักโดยมีภาพยนตร์สัญลักษณ์หลายเรื่องที่ถูกถ่ายทำที่สตูดิโอ Pinewood ที่มีชื่อเสียง

หนึ่งในมรดกที่ยั่งยืนที่สุดของบรอกโคลีคือบทบาทของเขาในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Danjaq, LLC และ Eon Productions บริษัท เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการนำซีรีย์ภาพยนตร์เจมส์บอนด์มาสู่ชีวิต การร่วมมือกับ Harry Saltzman, Broccoli มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนภาพยนตร์บอนด์จากโครงการที่มีงบประมาณน้อย ๆ ให้กลายเป็นแว่นตาบล็อกบัสเตอร์ที่ดึงดูดผู้ชมทั่วโลก

เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องรสนิยมที่ไร้ที่ติของเขาและวิธีการที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้างภาพยนตร์การมีส่วนร่วมของบรอกโคลีต่อแฟรนไชส์เจมส์บอนด์ได้ทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกเกี่ยวกับวัฒนธรรมสมัยนิยม การอุทิศตนเพื่อคุณภาพและความสามารถของเขาในการผลักดันขอบเขตของการเล่าเรื่องภาพยนตร์เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับประเภทแอ็คชั่น

แม้เขาจะผ่านไปเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2539 อิทธิพลของบรอกโคลียังคงกำหนดรูปแบบอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของภาพยนตร์เจมส์บอนด์ที่ผลิตโดยทายาทของเขา มรดกแห่งความเป็นเลิศและนวัตกรรมที่เขาก่อตั้งขึ้นยังคงเป็นกำลังชี้นำสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์และผู้ชมเหมือนกัน

สายตาที่กระตือรือร้นของบรอกโคลีสำหรับความสามารถและความสามารถพิเศษของเขาในการมองเห็นศักยภาพในโครงการมีประโยชน์ในการสร้างอาชีพของนักแสดงและสมาชิกลูกเรือหลายคนที่ทำงานในภาพยนตร์ของเขา ความมุ่งมั่นของเขาในการบำรุงความสามารถและการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์มีผลกระทบอย่างยั่งยืนต่ออุตสาหกรรมบันเทิง

นอกเหนือจากความสำเร็จระดับมืออาชีพของเขาบรอกโคลียังเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความพยายามเพื่อการกุศลและความมุ่งมั่นของเขาที่จะตอบแทนชุมชน การบริจาคเพื่อการกุศลและการสนับสนุนสำหรับสาเหตุต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่ใจกว้างและความปรารถนาของเขาที่จะสร้างความแตกต่างในเชิงบวกในโลก

ในฐานะผู้บุกเบิกในโลกแห่งการสร้างภาพยนตร์มรดกของบรอกโคลีขยายออกไปไกลเกินกว่าความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศของแฟรนไชส์เจมส์บอนด์ ความหลงใหลในการเล่าเรื่องของเขาแนวทางการผลิตที่เป็นนวัตกรรมของเขา

ผลกระทบที่ยั่งยืนของอัลเบิร์ตอาร์บรอกโคลีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ทำหน้าที่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ของเขาและความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีใครเทียบ ความสามารถของเขาในการสร้างความบันเทิงและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมทั่วโลกเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของเขาและความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อความเป็นเลิศในการเล่าเรื่อง

ในการรับรู้ถึงการมีส่วนร่วมของเขาสู่โลกแห่งโรงภาพยนตร์บรอกโคลีได้รับเกียรติจากชื่อผู้บัญชาการของจักรวรรดิอังกฤษ (CBE) รางวัลอันทรงเกียรตินี้ตอกย้ำอิทธิพลที่สำคัญของเขาที่มีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์และมรดกที่ยั่งยืนของเขาในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุคของเขา

อาชีพที่น่าทึ่งของอัลเบิร์ตอาร์บรอคโคลีและการมีส่วนร่วมที่ไร้กาลเวลาของเขาในการถ่ายทำจะยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้สร้างภาพยนตร์และคนรักภาพยนตร์รุ่นต่อ ๆ ไป ชื่อของเขาจะมีความหมายเหมือนกันกับความมหัศจรรย์ของหน้าจอเงินและพลังที่ยั่งยืนของการเล่าเรื่อง

Images

Albert R. Broccoli

ผลงาน

การแสดง

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 11: พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆ

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 11: พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆ

Man at St. Marks Square (uncredited)

1979

เจมส์ บอนด์ (Roger Moore) จะถูกส่งไปสืบสวนเรื่องโจรขโมยลึกลับที่ขโมยกระสวยอวกาศ ทำให้บอนด์สืบสาวตัวไปถึงฮิวโก้ แดร็กซ์ (Michael Lonsdale) เจ้าของกิจการผลิตชิ้นส่วนกระสวยอวกาศ และพบกับ ดร.หญิง ฮอลลี่ กู๊ดเฮด (Lois Chiles) นักวิทยาศาสตร์วิจัยด้านอวกาศ ซึ่งเธอก็เป็น CIA มาสืบเรื่องราวของแดร็กซ์ด้วยเช่นกัน บอนด์ได้แกะรอยไปตามสถานที่ต่างๆ ได้แก่ รัฐแคลิฟอร์เนีย เวนิส อิตาลี รีโอเดจาเนโร และป่าอะเมซอน และท้ายที่สุดในอวกาศ ซึ่งเป็นที่ๆ อยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์รุ่นใหม่ก่อนที่แดร็กซ์จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์บนโลก

การผลิต

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 17: รหัสลับทลายโลก

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 17: รหัสลับทลายโลก

Presenter

1995

การเปิดตัวอย่างยอดเยี่ยมและเหนือชั้นของ สายลับ007 คนใหม่ 'เพียร์ซ บรอสแนน' ในภาพยนตร์สายลับสุดระทึก ที่มาพร้อมฉากเปิดตัวยิ่งใหญ่อลังการกว่าที่เคย! เมื่อเจ้าหน้าที่ MI6 (ฌอน บีน) กลับกลายเป็นอาชญากร และวางแผนทำลายโลกด้วยอาวุธทรงอานุภาพจากอวกาศ บอนด์ต้องขอความช่วยเหลือจากอดีตพันธมิตรใน คิวบา มอนติคาร์โล สวิสเซอร์แลนด์ หรือแม้แต่รัสเซีย พร้อมผจญกับ สาวงามสุดอันตราย (ฟามเก้ แจนส์เซ่น) ที่พร้อมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ "ดื่มด่ำ" กับพ่อสายลับเจ้าเสน่ห์ของเรา
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 1: พยัคฆ์ร้าย 007

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 1: พยัคฆ์ร้าย 007

Presenter

1962

เจมส์ บอนด์ ถูกส่งตัวไปจาเมกา เพื่อสืบสวนเกี่ยวกับการหายตัวไปของสายลับอังกฤษ โดยจากเบาะแสต่าง ๆ นำเขาไปค้นพบฐานลับใต้ดินของ ดร.โน ซึ่งมีแผนที่จะหยุดยั้งการปล่อยจรวดของอเมริกาด้วยสัญญาณวิทยุรบกวน แม้ว่าจะเป็นการดัดแปลงจากหนังสือบอนด์เป็นภาพยนตร์เรื่องแรก แต่ว่า ดร.โน ไม่ใช่นิยายเล่มแรกของเฟลมมิง เพราะเล่มแรกนั้นคือ คาสิโน รอเยิล ซึ่งเปิดตัวตัวละคร ภาพยนตร์ยังได้เปิดตัวองค์กรอาชญากรรม สเปกเตอร์ (SPECTRE) ซึ่งยังปรากฏอยู่ในภาพยนตร์อีก 6 เรื่อง
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 2: เพชฌฆาต 007

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 2: เพชฌฆาต 007

Presenter

1963

องค์กร SPECTRE ได้ฤกษ์เผยโฉมอย่างเป็นทางการ และ ดร.โน ในภาคที่แล้ว ก็เป็นเพียงหนึ่งในลูกน้องของนายใหญ่นิรนาม (คนดูจะเห็นแค่มือสวมแหวนรูปปลาหมึกยักษ์ ลูบไล้แมวเปอร์เซียสีขาว) แผนตลบหลังซ้อนแผนคราวนี้จึงเริ่มขึ้นเพื่อล้างแค้นให้ดร.โน และฟันกำไรจากรัสเซียให้อิ่มเอม โดยวางหมากให้สายลับอังกฤษกับรัสเซีย ฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงเครื่องถอดรหัสเลคเตอร์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของรัฐบาลอังกฤษ ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เจมส์ บอนด์ (ฌอน คอนเนอรี่) เดินทางมาปฏิบัติภารกิจร่วมกับ อาลี คาริม เบย์ (เปโดร อาร์เมนดาริซ) หลังได้รับภาพสายลับรัสเซีย ทาเทียนา โรมาโนว่า (ดาเนียลา เบียงคี) ที่ติดต่อขอแปรพักตร์เรียกตัวเขาไปพบเพื่อหาทางขโมยเครื่องถอดรหัสเลคเตอร์ โดยหารู้ไม่ว่า เธอถูก โรซ่า เคล็บบ์ (ล็อตเต้ เลนยา) เจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียหนอนบ่อนไส้ หลอกปั่นหัว เพราะอีกด้านเธอก็ใช้ เรด แกรนต์ (โรเบิร์ต ชอว์) ออกปฏิบัติการเป็นมือสังหาร สร้างความบาดหมางให้กับกลุ่มสายลับอังกฤษและรัสเซียในอิสตันบูลจนออกมาฆ่ากันเอง รวมถึงติดตามบอนด์ตลอดทุกฝีก้าว
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 5: จอมมหากาฬ 007

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 5: จอมมหากาฬ 007

Producer

1967

ในหนังเรื่องยิ่งใหญ่อลังการเรื่องนี้ บอนด์ (ฌอน คอนเนอรี) เดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อยับยั้งองค์กรชั่วสเปกเตอร์และผู้นำสุดร้ายกาจ โบลเฟลด์ (โดนัลด์ เพลเซนซ์) ไม่ให้ก่อสงครามโลกครั้งที่สาม
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 4: ธันเดอร์บอลล์ 007

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 4: ธันเดอร์บอลล์ 007

Executive Producer

1965

องค์กร SPECTRE ศัตรูตลอดกาลของบอนด์ หลังจากโดนบอนด์ขัดขวางแผนการหลายครั้ง ทำให้ศักดิ์ศรีและเงินรายได้จากธุรกิจชั่วๆของพวกมันตกลงไปมาก จนในที่สุดพวกมันก็ได้วางแผนการครั้งใหญ่ คือ ขโมยหัวรบนิวเคลียร์ไปและขู่ว่าจะระเบิดสถานที่สำคัญ เว้นแต่ทางการจะยอมจ่ายค่าไถ่มา แต่มีหรือที่ทางการจะยอมจ่ายค่าไถ่ง่ายๆ เพราะยังมีสายลับพระกาฬ เจมส์ บอนด์ (Sean Connery) อยู่ทั้งคน
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 7: เพชรพยัคฆราช

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 7: เพชรพยัคฆราช

Producer

1971

เจมส์ บอนด์ (Sean Connery) ต้องมารับภารกิจตามล่าแก๊งลักลอบค้าเพชรเถื่อน บอนด์ก็ได้สืบเงื่อนงำไปจนถึงลาส เวกัส ก็ได้พบกับ ทิฟฟานี่ เคส (Jill St. John) สาวบอนด์ของเรื่อง และได้พบวายร้ายที่อยู่เบื้องหลังแผนร้ายครั้งนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ได้แก่ เอิร์นส์ สตาฟโร โบลเฟลด์ (Charles Gray) ศัตรูคู่แค้นดั้งเดิมของบอนด์มาตลอด
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 14: พยัคฆ์ร้ายพญายม

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 14: พยัคฆ์ร้ายพญายม

Producer

1985

เมื่อ เจมส์ บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) ถูกส่งตัวไปสืบสวนเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวมภายใน ซอริน อินดัสตรี้ เขากลับค้นพบเหตุฆาตกรรมอันมีเงื่อนงำ รวมทั้งเจ้าของบริษัทผู้ลึกลับชื่อ แม็กซ์ ซอริน (คริสโตเฟอร์ วอลเคน) ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังวางแผนที่จะครองตลาดไมโครชิปของโลกด้วยวิธีการอัน ร้ายกาจ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของนักสืบ 007 ผู้นี้ในการที่จะต้องหยุดยั้งแผนการร้ายครั้งนี้ให้ได้
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 8: พยัคฆ์มฤตยู 007

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 8: พยัคฆ์มฤตยู 007

Producer

1973

เจมส์ บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) ได้รับภารกิจให้ไปตามสืบเกี่ยวกับสายลับ 3 คนที่ถูกสังหารในเวลาไล่เลี่ยกัน จากการตามรอยก็นำบอนด์ไปสู่การเผชิญหน้ากับขบวนการค้ายาเสพติดระดับชาติที่ นำโดย มิสเตอร์บิ๊ก หรือชื่อที่แท้จริงของเขาก็คือ ดร.คานังก้า (Yaphet Kotto) นายกรัฐมนตรีแห่งเกาะซานโมนิค บอนด์จึงต้องทำลายแผนการของพวกมันอีกตามเคย
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 16: รหัสสังหาร

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 16: รหัสสังหาร

Producer

1989

รหัสสังหาร หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Licence to Kill เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 16 ในภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ เดอะซีรีส์ ที่ค่ายภาพยนตร์อีโอเอ็นโปรดัคชั่น(EON Production) จัดทำขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งที่ 2 และเป็นครั้งสุดท้ายของ ทิโมธี ดาลตัน ในบทเจมส์ บอนด์ ให้กับค่ายอีโอเอ็น เป็นครั้งที่ 2 เป็นครั้งสุดท้ายของคาโรไลน์ บลิส ในบท มิส มันนี่เพ็นนี เป็นครั้งที่ 5 และครั้งสุดท้ายของ โรเบิร์ต บราวน์ ในบท เอ็ม เช่นกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในพ.ศ. 2532 กำกับโดย จอห์น เกลน ซึ่งภาพยนตร์ซีรีส์เจมส์ บอนด์ เรื่องนี้ เป็นเรื่องแรกที่ไม่ใช้บทประพันธ์ของเอียน เฟลมมิ่ง แต่ใช้บทประพันธ์ของจอห์น การ์ดเนอร์แทน
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 6: ยอดพยัคฆ์ราชินี

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 6: ยอดพยัคฆ์ราชินี

Producer

1969

เจมส์ บอนด์ (George Lazenby) ก็ยังคงตามล่า โบลเฟลด์ (Telly Savalas) ต่อไป แม้องค์กร SPECTRE จะโดนถล่มจนย่อยยับไปแล้วก็ตาม ซึ่งบอนด์ก็ได้พบเงื่อนงำว่า โบลเฟลด์ ได้หลบหนีไปเปิดคลินิกรักษาภูมิแพ้อยู่บนเทือกเขาที่ห่างไกล บอนด์เลยตามไปสืบ ก็พบว่าเป็นความจริง โบลเฟลด์อยู่ที่นั่น และมันกำลังวางแผนร้ายที่จะทำลายอู่ข้าวอู่น้ำของโลก โดยมันบอกว่าจะไม่ทำอย่างนั้นหากเมื่อมันล้างมือมาใช้ชีวิตดั่งคนปกติแล้วทางการจะไม่เอาผิดมัน บอนด์จึงต้องขัดขวางมันอีกเช่นเคย ซึ่งในตอนนี้บอนด์พบกับเทรซี่ หญิงสาวที่เขาคิดว่าจะใช้ชีวิตไปด้วยกันตลอดชีวิต
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 12: เจาะดวงตาเพชฌฆาต

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 12: เจาะดวงตาเพชฌฆาต

Producer

1981

เจมส์ บอนด์ (Roger Moore) ต้องตามหาอุปกรณ์ที่ชื่อว่า ATAC ซึ่งมันเป็นเครื่องควบคุมการยิงขีปนาวุธ ถ้าบอนด์หาไม่เจอแล้วของตกไปอยู่ในมือคนผิดขึ้นมา เรื่องเลวร้ายต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งการผจญภัยครั้งนี้ก็นำบอนด์ไปพบกับ เมลีน่า เฮฟล็อก (Carole Bouquet ) สาวชาวกรีกที่สวยและเข้มแข็ง ที่กำลังหาร่องรอยคนฆ่าพ่อแม่ของเธอ บอนด์ก็ต้องปกป้องเธอพร้อมทั้งร่วมมือกับเธอในการตามหาคนร้ายตัวจริง เพราะเป็นไปได้ว่า คนที่ฆ่าพ่อแม่เธอและคนที่หาทางชิงเครื่อง ATAC ไปนั้นจะเป็นคนเดียวกัน
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 10: พยัคฆ์ร้ายสุดที่รัก

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 10: พยัคฆ์ร้ายสุดที่รัก

Producer

1977

เจมส์ บอนด์ (Roger Moore) ต้องมาร่วมมือกับสายลับสาวจากรัสเซียนามว่า ผู้พันแอนย่า อเมโซวา (Barbara Bach) หรือรห้สว่า ทริปเปิ้ลเอ๊กซ์ ทั้งสองต้องมาจับมือกันยับยั้งแผนการร้ายของ คาร์ล สตอรมเบิร์ก (Curd Jurgens) ที่ต้องการจะจมโลกสู่ใต้ผืนน้ำ
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 13: เพชฌฆาตปลาหมึกยักษ์

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 13: เพชฌฆาตปลาหมึกยักษ์

Producer

1983

งานของบอนด์ (Roger Moore) ในตอนนี้คือต้องเผชิญกับแผนร้ายของนายพลออร์ลอฟ (Steven Berkoff) ผู้บ้าคลั่งแห่งรัสเซียที่อยากจะระเบิดสงครามให้บังเกิดขึ้น เพราะคิดว่าหากรัสเซียโจมตีก่อน ย่อมได้เปรียบ จะได้กรุยทางให้รัสเซียกลายเป็นชาติมหาอำนาจ โดยไม่ฟังคำทัดทานของนายพลคนอื่นๆ ซึ่งไม่ประสงค์ให้มีสงคราม ออร์ลอฟได้เดินแผนผ่านทางคามาล ข่าน (Louis Jourdan) เจ้าชายชาวอัฟกันผู้โดนเนรเทศ โดยการใช้ระเบิดนิวเคลียร์หวังวางระเบิดในฐานทัพอากาศของสหรัฐ แต่ไม่ใช่เพียงเพื่อสร้างความเสียหายเท่านั้น มันยังมีแผนการอันซับซ้อนและเหนือชั้นกว่านั้นอีก
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 9: เพชฌฆาตปืนทอง

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 9: เพชฌฆาตปืนทอง

Producer

1974

เจมส์ บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) ต้องเจอกับฟรานซิสโก้ สการามังก้า (Christopher Lee) สุดยอดนักฆ่าที่มีฉายาว่าเพชฌฆาตปืนทอง เพราะเขาจะรับจ้างฆ่าคนด้วยเงินสูงถึง 1 ล้านดอลล่าร์ และเขาจะสังหารเหยื่อด้วยปืนและกระสุนทองคำของเขาเท่านั้น และเป้าหมายต่อไปของเขาคือเจมส์ บอนด์ นั่นเอง
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 15: พยัคฆ์สะบัดลาย

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 15: พยัคฆ์สะบัดลาย

Producer

1987

บอนด์ (ทิโมธี ดาลตัน) ได้รับคำสั่งให้สังหารสายลับหญิง (มาเรียม ดี'อาโบล) ที่ปลอมตัวเป็นนักเชลโลหมายจะสังหารนายพลคอสค็อฟ (เจอเรน เครบเบ้) นายทหารเสนาธิการของรัสเซียที่แปรพักตร์มาเข้ากับฝ่ายโลกเสรี แต่บอนด์เจตนายิงพลาด เพราะไม่เชื่อว่าเธอต้องการสังหารจริง ๆ ก่อนที่ความจริงจะเผยว่า แท้จริงแล้วคอสค็อฟเพียงแค่เล่นละคร 2 หน้า ก่อนจะนำไปสู่การผจญภัยไปยังออสเตรียและจบลงที่กลางทะเลทราย ในอัฟกานิสถาน
เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 11: พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆ

เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 11: พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆ

Producer

1979

เจมส์ บอนด์ (Roger Moore) จะถูกส่งไปสืบสวนเรื่องโจรขโมยลึกลับที่ขโมยกระสวยอวกาศ ทำให้บอนด์สืบสาวตัวไปถึงฮิวโก้ แดร็กซ์ (Michael Lonsdale) เจ้าของกิจการผลิตชิ้นส่วนกระสวยอวกาศ และพบกับ ดร.หญิง ฮอลลี่ กู๊ดเฮด (Lois Chiles) นักวิทยาศาสตร์วิจัยด้านอวกาศ ซึ่งเธอก็เป็น CIA มาสืบเรื่องราวของแดร็กซ์ด้วยเช่นกัน บอนด์ได้แกะรอยไปตามสถานที่ต่างๆ ได้แก่ รัฐแคลิฟอร์เนีย เวนิส อิตาลี รีโอเดจาเนโร และป่าอะเมซอน และท้ายที่สุดในอวกาศ ซึ่งเป็นที่ๆ อยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์รุ่นใหม่ก่อนที่แดร็กซ์จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์บนโลก
ชิตตี้ ชิตตี้ แบง แบง รถมหัศจรรย์

ชิตตี้ ชิตตี้ แบง แบง รถมหัศจรรย์

Producer

1968

ร่วมผจญภัยกับดิก แวน ไดก์และรถยนต์มหัศจรรย์ของเขาในการเดินทางสู่โลกแห่งเสียงเพลงที่ลึกลับ เต็มไปด้วยโจรสลัด ปราสาท และความสนุกแบบย้อนยุคอันมากมาย